เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ถ้าไม่มาบอกโกรธกันจริงๆด้วย

 

โอ้จอร์จ !สิงหราชพล ดูคุณจะโฆษณาได้น่ารัก น่า..เกินหน้า เกินตา..เจ้าของโปรโมชั่นเดิม
อย่างกระผมมากไปนิดหนึ่งนะ..เจตนาคือ?

นี่กะ ..จะทำเป็นแผนโฆษณาอีกเวอร์ชั่นนะเนี่ย ตายเลย!มาเอาของกัน..ไปนำเสนอก่อนซะงั้น แล้วต่อไปทำไงเนี่ยฮึ..


=========
งั้นต่อไป..จะโชว์ภาพบรรยากาศ ภูเขาลูกที่ว่าเลยดีกว่า
...เดี๋ยวไปล้างฟิล์มก่อนนะ..แป๊บหนึ่ง

 

ต่อไปเมื่อโครงการเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน ก็จะเชิญชวนให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาผ่าน PM
ได้มีโอกาสเดินทางไปทำบุญด้วยตนเอง..ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก เดินทางไม่ลำบากจนเกินไป
ถือโอกาส แวะเที่ยวชมธรรมชาติน้ำตกข้างทางไปเรื่อยๆ..เพลินๆ

ส่วนใครไม่สนใจ..เมินเฉยหรือเดินทางไม่สะดวก..ก็ตามแต่กำลังใจ..

พวกไม่ใส่ใจ พฤติกรรมเลอะเทอะ คอยแต่จะคิดว่าคนอื่นจะมีจิตอกุศล...เช่นตน
ก็ชั่งหัวมันแกว..ขายข้างทางไปก็แล้วกัน

 

ถ้าไม่ติดธุระอะไรไปแน่นอนครับ

 

โอ้ผ่านมาอ่าน ครั้งแรกมานานแล้วตอนกระทู้ใหม่ๆ จากนั้นผ่านไปผ่านและพึ่งจอดอ่านอีกครั้งวันนี้ (อ่านหน้าสุดท้าย) ไม่รู้เป็นไงเกดศรัทธาแฮะ ขออนุโมทนา และรอร่วมสร้างพระเจดีย์นะคะหากไม่มีอุปสัคใดๆมาขวางกั้น

 

ต่อตอน# แสดงสภาวะ ภาพหลวงปู่ครูบาอาจารย์สายโลกทิพย์

ท่านมาอยู่ครั้งแรกๆมีเพียงกุฏิหน้าปากถ้ำเล็กๆเพียงหลังเดียว
ตัวท่านเองก็ทำที่พักโดยนำไม้เศษ มาตีกั้นเป็นห้องเล็กๆ อาศัยอยู่ในช่องหลืบถ้ำเล็กๆปากทาง
เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลแม่ชี แม่ชราของท่าน ด้วยความกตัญญูที่น่ายกย่อง ที่พากันมาออกมาอยู่ที่กันดารยากต่อการกินอยู่ ท่ามกลางป่ากลางเขา ของสองแม่ลูก แม่ชีแก่วัยเข้าเจ็ดสิบที่มีแต่จะคอยเสริมให้กำลังใจพระลูกชายคนเล็กของท่าน กับพระลูกชายใจเพชร ที่มีแต่ความเพียรเข้าแลกด้วยชีวิต อันมีธงชัยแห่งอริยมรรคเป็นที่ตั้ง

<O</O
ช่วงเย็นกลางคืนทำวัตรสวดมนต์ปฏิบัติธรรมสมาธิ ตีสี่ตื่นขึ้นทำวัตรเช้ายามเช้าหกโมงออกบิณฑบาต
ในหมู่บ้านเล็กๆใกล้เชิงเขา ขาขึ้นเขาท่านก็ตักน้ำ หาบหิ้วถังน้ำใบใหญ่ข้างมือทั้งสอง ส่วนที่คอก็นำบาตรมาแขวนห้อยคอไว้เดินขึ้นเขาสูง เพื่อให้โยมแม่ชีท่านได้ใช้อาบสอย ฉันอาหารรวมในบาตรวันละมื้อ จากนั้นก็เริ่มทุบหิน ทุบดิน โกยดินเพื่อเกลี่ยทำเป็นทางเดินให้สะดวก ช่วงพักก็ทำสมาธิต่อเนื่อง ท่านก็เพียรทำเช่นนี้ทุกวี่วัน
<O</O
โดยไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ในป่าในถ้ำ เพื่อค้นหาสัจธรรมของพระศาสดาด้วยจิตใจเฝ้าระวังอารมณ์กรรมฐานในทุกลมหายใจเข้าออก เจริญอิทธิบาทสี่ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นบาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรมเครื่องให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใดต้องทำตนให้สมบูรณ์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อิทธิบาท ซึ่งจำแนกไว้เป็น ๔ คือ
<O</O
๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
๓.จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
๔. วิมังสาความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น
<O</O
ท่านเร่งทำทั้งงานพัฒนาทางจิตตนด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน และงานพัฒนาศาสนวัตถุอย่างมุ่งมั่น ด้วยเล็งเห็นว่าต่อไป ที่แห่งนี้จักต้องพัฒนาเพื่อประโยชน์แก่ชาวพุทธทั้งหลายให้เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมในที่สุด
<O</O
และก็ได้ใช้ความเพียรมาเป็นเวลานานเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อเนื่องมาจวบปัจจุบัน โดยจะไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร ก่อน จนในที่สุดก็เริ่มมีชาวบ้านและผู้ศรัทธาเลื่อมใสอื่นๆได้เห็นข้อวัตรปฏิบัติของท่าน จึงเริ่มเข้ามาช่วยเหลืองานของท่านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
<O</O
กระนั้นก่อนหน้านี้ ท่านเองก็ต้องรับได้การทดสอบความเพียรจากบุคคลนอกมิติโลกมนุษย์จากทั้งเหล่าเทพยดา องค์พญานาค ญาณฤาษีทั้งหลายมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งก็เป็นการทดสอบกำลังบารมีในแต่ละขั้น
เช่นกันโดยมีดวงญานแห่งหลวงปู่ครูบาอาจารย์ใหญ่สายเหนือโลกทั้งห้า ให้คำชี้แนะอบรบการฝึกฝนทางจิต

<O</O
และในที่สุดกระทั่งวันหนึ่งที่ค่อนข้างเอาเรื่อง...ในขณะที่ท่านเพิ่งออกจากฌานสมาธิ สภาพบรรยากาศใกล้พลบค่ำตะวันชิง โพล้เพล้
<O</O
ขณะที่ท่านนั่งพักผ่อนอยู่ที่แคร่ไม้ในถ้ำเล็กๆแห่งหนึ่ง และได้ทอดสายตาไปที่เชิงบันไดเก่าที่สร้างมาแต่ครั้งพระธุดงค์ยุคก่อนท่านสร้างทิ้งไว้ ได้ปรากฏว่ามีคล้ายภาพของอาคันตุกะที่มิได้รับเชิญ
ปรากฏกายขึ้นมาหนึ่งร่างพร้อมกับก้าวขาลงเหยียบพื้นบันไดทีละขั้น ๆ<O</O
เดินลงมาจากบันไดเบื้องสูงลงมาพื้นด้านล่างที่ท่านนั่งพักอยู่เพียงลำพังอย่างช้าๆ...

<O</O
เอ๊ะนี่ใครกัน!ในถ้ำกลางป่าแห่งนี้ ใกล้มืดค่ำแล้ว ยังจะมีใครมาอีกหรือ?<O</O
มีจุดประสงค์ดี-ร้ายอย่างไรหนอ?
ในขณะนั้นเริ่มมีความมืดย่างเข้ามาเรื่อยๆแล้วสิ่งที่ท่านไม่คิดว่าจะได้พบเจอแบบตาเนื้อ คาตาชัดเจน
เมื่อสายตาเหลือบไปพบร่างชายสูงใหญ่เยี่ยงคนโบราณ<O</O
ไม่สวมเสื้อ นุ่งเพียงผ้านุ่งกระโจมสีขุ่นๆมอๆ มาปรากฏเป็นภาพคนเดินเข้ามาใกล้ท่านเข้ามาๆ
<O</O
ภาพคนที่ท่านเห็นว่ายังมีอีกหนึ่งศีรษะ ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับหัวเข่าคนที่เดินลงมา
อ้าว..แล้วบนคอคนเดินลงมา ทำไมมัน. ที่สำคัญคือมันไม่มีศีรษะอยู่บนคอด้วยนี่สิ สภาพมันคือ..
..คนคอขาด! มันใช้มือคว้าหัวจับจิกผมไว้ ใบหน้าแสยะยิ้มอย่างหน้ากลัว(ไม่รู้ว่า..จะยิ้มทำไม)
ปล่อยหัวให้ห้อยโตงเตงๆ เพราะมันหิ้วหัวตัวเองเดินเล่นซะงั้น!
<O</O
วะ!ชะ ช่ายย แ. ละ....แ.. แ..ล้..วววว...
<O</O
คนดีๆที่ไหนที่จะหิ้วหัวตัวเองเล่นได้
<O</O
“ ถ้าไม่ใช่... ผี... หัวขาด” ถูกต้องครับ อ่านไม่ผิด ตาท่านไม่ฝาด บรื๊อออ...
<O</O
(นึกถึงทีมงานรายการ คนท้าผี ของ DJ ป๋อง กพล ทองพลับ จริงๆ ถ้ามาเจอแบบนี้ แบบจะๆคาตา มันจะเกิดอะไรขึ้น..สงสัยว่ากง..กล้อง แยกชิ้นกระจาย ทั้งคนทั้งของมีหวังทิ้งกันแตกกระเจิงแน่)
<O</O
แต่เก่งแฮะ ที่มันเดินลงบันไดชันๆ ลงมาพื้นไม้ก็มืดๆ แต่ดันไม่ยักเดินตกบันได
ก็ขนาดคนหูตาปกติ บางที บางคนยังเดินพลาดตกบันไดเลย
<O</O
ตอนที่ท่านเล่าให้ฟังนี่ก็รู้สึกขนหัวลุกซู่ซ่าๆเป็นระยะๆ แต่ก็แอบชื่นชมผีตัวนี้ในใจไม่ได้<O</O
“โฮ้โห!....นี่มันผีสามารถชัดๆ”

<O</O
“แล้วตกลง ใช่ผีหัวขาดมั๊ยครับ ไม่ใช่คนหิ้วหัวมันแกวมาฝากใครนะ”
<O</O
“ผีปลอมหว่ะ!”(อ๊าว ..หลงกลัวแทบตาย )<O</O
“ตอนแรกหนะ ผีหัวขาด หิ้วหัวเดินลงบันไดมาจริงๆ ตอนหลังนี่กลายร่างคืนเป็นเทพในถ้ำนี่แหละ”

โห...เล่นแรงจริงๆ เทพเทวดาในถ้ำนี้ช่างทดสอบกันได้เรื่องจริงๆ
และไอ้การที่จะมาหลอกหลอนท่าน ให้กลัวนี้.. ผีกระล๊อกก๊อกแก๊ก ประเภทนี้นี่เป็นอันว่าฟาล์ว..ไม่สำเร็จ
และท่านก็รู้ทันก่อนซะแล้ว...กิ๊วๆผีหน้าแตก หลอกไม่สำเร็จ.. (แต่อย่ามายุ่งกับตูนะ.. โกรธจริงๆด้วย)

ท่านทั้งหลายลองคิดดูว่า..ถ้าท่านเจอเหตุการณ์นี้กับตัวเองบ้าง จะรู้สึกอย่างไร...?
<O</O
ผู้เขียนเองไม่แน่ใจว่าเทพองค์ใดกันแน่ ที่ให้คำปรึกษาออกแบบการหลอกหลอนในครั้งนี้ คิดกันนานหรือเปล่าก็ไม่รู้?

<O</O
อีกแล้ว..ก็ยังไม่จบตอนอีกจนได้
แวะเล่าเรื่องอื่นเสริมจนได้...เกือบแล้วๆ ตอนหน้าละกัน..<O></O>
<O</O

 

ขอร่วมสร้างด้วยคน อย่าลืมบอกกันนะครับ

 

ถ้ามี การเคาะระฆังเมื่อไหร่. ขอหมู่เฮาจัดไปเป็นชุดแรกแล้วกันเนอะ

 

ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าคะ เริ่มเมื่อไหร่ดิฉันขอเป็น
ส่วนหนึ่งในการสร้างบุญด้วยนะคะ

 

ขอให้เริ่มได้เร็วนะครับ จะได้ร่วมสร้างบารมีกัน
อ่านเรื่องราวผ่านตัวหนังสือของคุณtoplus99 มาเรื่อยๆทำให้นึกถึงคนๆหนึ่ง

คือผมมีโอกาสไป Audit supplier แห่งหนึ่ง ในขณะกินข้าวกลางวันริมแม่น้ำอาหารแสนอร่อย ขณะนั้นเอง CEO ของบริษัทแห่งนั้นพูดถึงเรื่องอีกหน่อยเขื่อนป่าสักจะกลายเป็นบางแสน ทำให้นึกถึงกระทู้นี่ ด้วยท่วงท่าลีลา การเล่าเรื่องกับสไตล์การคุยของ CEO ท่านนั้นผมว่าช่างเหมือนคุณ toplus99 จริงๆทำให้อยากคิดว่าเป็นคนเดียวกันแน่ๆเลย ใช่ไหมละครับ บอกมาดีกว่า อิ อิ อิ
ถ้าใช่ เรากำลังอ่านข้อเขียนของ CEO ของบริษัทผลิตเกลือใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเชียวน้า มีกำลังภายในสามารถเป็นต้นบุญสร้างมหาเจดีย์ได้สำเร็จแน่นอน
[.178/COLOR]​

 

เตรียมปัจจัยรอไว้แล้วครับ รอโอนอย่างเดียว น่าจะเริ่มตั้งเป็นกองทุนนะครับเพื่อความไม่ประมาทในชีวิต ปัจจุบันความไม่แน่นอนเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการทำบุญ

 

กรุณาบอกSWIFT code ของ Bank เป็นภาษาอังกฤษด้วยนะคะท่านToplus99 อนุโมทนาสาธุค่ะ

 

ขอบคุณ คุณญาณธรรมครับที่ยกย่องให้เกียรติ อย่างไรก็ต้องช่วยๆกันครับ
ช่วยกันก่อ ช่วยกันทำ การสร้างพระเจดีย์ใหญ่ ถือว่าเป็นบุญสูง บุญใหญ่ครั้งหนึ่งในการดำรงการเป็นมนุษย์
ในฐานะชาวพุทธ

นับแต่อดีตโบราณกาล....
คนสร้างแม้จะร่ำรวย มีทรัพย์สินมากมายเพียงไรก็ตาม
..จะไม่นิยมสร้างโบสถ์ วิหาร เจดีย์ใหญ่ให้แล้วเสร็จ โดยจากลำพังคนเดียว หรือจำกัดเฉพาะอยู่แค่ในตระกูลญาติของตนเท่านั้น

เชื่อว่า..เพราะจะเป็นเหตุให้อายุสั้นก่อนกำหนด..
...เพราะธาตุ4ขันธ์5 จะไม่สามารถต้านรองรับแรงบุญกุศล..
ที่จะอยู่บนโลกมนุษย์ได้อีก ..ต้องไปอยู่บนแดนสวรรค์เท่านั้น
เมื่อหมดแรงกุศลจึงจะกลับลงมาเกิดใหม่อีกครั้ง

พูดง่ายๆว่าบุญ.. มันแรงเกินไปที่จะอยู่ในร่างมนุษย์ได้ต่อไปอีก
ต้องได้เสวยบุญเป็นชาวเทพ ชาวสวรรค์ให้สุขเกษม เปรมปรีดิ์ก่อนเท่านั้น
เชื่อกันว่าอย่างนั้นนะ..

เว้นแต่...จะต้องบวชพระบำเพ็ญเจริญกรรมฐานวิปัสสนา
เพื่อปรับเสริมพลังธาตุขันธ์ ให้ควรแก่ผลบุญจากการสร้างโบสถ์วิหาร เจดีย์ใหญ่จนแล้วเสร็จ

แม้ปัจจุบัน เมื่อมีการทำบุญฉลองโบสถ์ใหม่
สมภาร เจ้าอาวาสยังต้องหลบไปพักอยู่ที่อื่นก่อนในระหว่างจัดงาน
..มิเช่นนั้นอาจ ละสังขาร มรณะภาพเร็วกว่ากำหนดได้..

 

Toplus99 ต้องขอกราบอนุโมทนางามๆ... ขอบคุณในกุศลจิต กุศลธรรมของเหล่าชาวพุทธศาสนิกชนทุกๆท่าน

เรื่อง การเปิดบัญชีรับบริจาคกองทุนก่อสร้างพระเจดีย์ภูเขาทอง
คงต้องกราบเรียนปรึกษากับท่านพระอาจารย์และพระ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหลายๆส่วน อีกครั้งเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

เพราะทางวัดก็ไม่เคยเปิดบัญชีบริจาคในลักษณะนี้มาก่อน คงต้องไตร่ตรองกันให้รอบคอบนิดหนึ่ง
และทางวัดเองการสื่อสารทางโทรศัพย์ ก็ติดต่อได้ยากเพราะอยู่ในหุบเขา เพิ่งได้รับความอนุเคราะห์จากเพื่อนๆชาว AIS ที่ไปติดตั้งสถานีทวนสัญญาณขนาดเล็กให้เมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ก็ยังทำได้ไปเต็มประสิทธิภาพนัก เนื่องจากข้อจำกัดทางภูมิประเทศ

ครั้นได้ผลประการใดแล้วจะแจ้งให้ทราบ
เผื่อได้รูปแบบโครงสร้างโมเดลพระเจดีย์ จะถ่ายรูปนำมาอวดกัน ขณะนี้ทางวิศกรกำลังออกแบบประมาณราคาก่อสร้างและได้ข่าวแว่วๆว่า อาสาจะหาเจ้าภาพมาก่อสร้างสะพานแขวนข้ามภูเขานี้ให้ด้วย...

ส่วนผู้ที่ต้องการเดินทางไปทำบุญด้วยตนเองหรือไปกราบนมัสการพระอาจารย์ หรือ ต้องการพระเครื่องของทางวัดไปบูชา ก็ให้แจ้งผ่านPM แล้วจะแจ้งกลับเป็นรายๆบุคคลไป

หัวใจหลัก ในการตั้งกระทู้นี้....ต้องการเพียงเล่าสู่ประสบการณ์ที่เกิดจากการประพฤติปฏิบัติธรรมของหลายๆเหตุการณ์เป็นหลักเท่านั้น เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายว่า
ฤทธิ์อภิญญาในผู้ปฏิบัติในศาสนาพุทธมีอยู่จริง... ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนไว้เป็นจริง พิสูจน์ได้ไม่จำกัดกาล

หาได้มีเจตนา..เพื่อการระดมทุน ก่อสร้างศาสนวัตถุใดๆทั้งสิ้น หรือ หวังผลแนะนำให้ผู้ใดเดินทางไปกราบเยี่ยม นมัสการพระอาจารย์ท่านนี้แต่ใดๆทั้งสิ้น...

ทั้งนี้เนื่องจากพระอาจารย์ท่านเองก็ได้กล่าวเตือนแก่ผู้เขียนว่า...

...เราขอเป็นนกน้อย ทำรังแต่พอตัวดีกว่านะ...ค่อยเป็นค่อยไป
เฉพาะตอนนี้ เราเองก็มีกิจต้องเดินทางเกือบทั่วประเทศ แทบจะไม่ได้หยุดได้พักเลย
บางครั้งยังมีเท่ ..มีกิจนิมนต์ออกไปต่างประเทศด้วย
ใครตั้งใจมาจากที่ไกลๆ มาแล้วไม่เจอเราเดี๋ยวเขาจะเสียความรู้สึก เสียความตั้งใจเปล่าๆ..
ให้พร้อมกว่านี้ดีกว่านะ..

จึงเรียนมาเพื่อทำความเข้าใจ..ร่วมกัน
ขอให้มีกำลังใจปฏิบัติธรรมกันมากๆนะจ๊ะ เป็นกำลังให้โลกเราได้สงบสุข ร่มเย็นกันมากขึ้น ช่วยลดภัยพิบัติลงได้ หรือเบาบางลงไปบ้างก็ยังดี

เพราะมีแต่ความงดงามของจิตใจชาวมนุษย์บนพื้นโลกเรานี้เท่านั้น ...ที่ธรรมชาติจะปราณีเราได้..

 

ต่อตอน# แสดงสภาวะ ภาพหลวงปู่ครูบาอาจารย์สายโลกทิพย์ (ตอนจบ)

กว่าจะเล่าเรื่องนี้จนจบตอนได้ ก็มีเรื่องแวะข้างทางไปเรื่อย....<O</O
ตอนที่แล้วก็มีเรื่อง เทวดาจำแลงแปลร่างเป็น ผีหัวขาด เดินถือหัวมาแสยะยิ้มหวาน เดินลงมาจากบันไดไม้ลงมาที่ถ้ำเพื่อทดสอบท่านมาครั้งหนึ่งแล้ว
<O</O
คราวนี้คงจะได้เริ่มเรื่องและจบ ตามจั่วหัวเรื่องกันสักที...หวังว่าตัวผู้เขียนเองคงไม่แวะข้างทางที่ไหนอีก!<O>
</O
ระหว่างการสนทนากับพระอาจารย์ในถ้ำ ปลอดผู้คนดีนัก พระท่านจึงออกปากว่า
<O</O
“คราวที่แล้วข้าค้างคาเรื่องทำให้ดูที่บ้านโยมที่โคราชมาครั้งหนึ่ง คราวนี้เอ็งอยากเห็นมั๊ยว่าครูบาอาจารย์ใหญ่ที่ท่านมาแนะนำการประพฤติปฏิบัติข้ามีใคร มาดูกันเลยดีกว่า”
<O</O
“แล้วจะให้ผมดูอย่างไงครับ?”
<O</O
“งั้น มองมาที่ข้านี่แหละ ดูให้ดี..”<O</O
จากนั้นผู้เขียนจึงกำหนดสมาธิ จดจำปรับอารมณ์สมาธิกรรมฐานแบบเดิมที่เคยใช้ดูภาพ<O</O
ในครั้งแรก ที่ท่านแสดงสภาพเปลี่ยนร่างจากหนุ่มน้อยรูปงาม กลายเป็นคนแก่และกลายสภาพคนตายจนเหลือแต่โครงกระดูกนั่งยิ้ม
<O</O
ครั้งที่สอง แสดงรังสีกายทิพย์จนครบสีรุ้ง แล้วร่างท่านก็หายไปเหลือแต่จีวรคลุมร่าง
<O</O
และครั้งนี้ครั้งที่สาม เริ่มจากใบหน้าพระอาจารย์ ค่อยๆปรากฏภาพเห็นเป็นใบหน้าหลวงปู่โต วัดระฆัง
และค่อยเปลี่ยนภาพหน้าเป็นพระหลวงปู่ที่มีอายุอื่นๆ อีกหลายรูป
ที่เป็นลักษณะเหมือนการฉายแสงลงผ่านภาพในฟิล์มที่ฉายภาพซ้อนทับกันเรื่อยๆที่ละเฟรมภาพ แต่ขณะนั้นยอมรับว่าดูไม่ออกว่าเป็นหลวงปู่หลวงพ่อรูปใดบ้าง

เพราะไม่เคยเห็นตัวจริงองค์จริงมาก่อน รู้แต่ว่ามีหลายรูปมาก ที่ปรับเปลี่ยนภาพหน้าเล็กใหญ่ ใบหน้าออกเค้าโครงแบบคางเหลี่ยมบ้าง คางแหลมๆบ้าง ผิวพรรณวรรณะ ผิวเข้มผิวขาว ต่างกันออกไป แต่ที่ดูติดตาคล้ายๆหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี แต่จะใช่หรือเปล่าไม่แน่ใจ..แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะรูปเค้าหน้าแบบคนยุคเก่าโบราณ...<O</O
และภาพท้ายสุด..คือตัวท่านหายไปภาพโปร่งแสง กลายเป็นเหลือแต่จีวรนั่งอยู่อีกแล้ว
<O</O
“พระอาจารย์ครับ ท่านหายไปอีกแล้ว....”<O</O
อีกสักพักจึงค่อยปรากฏภาพท่านค่อยชัดขึ้นอีก”
<O</O
“เอ..ครั้งนี้ข้าต้องยอมรับสภาพแล้วว่า..เพราะจิตมันนึกอวดฤทธิ์ มันเลยทำไม่สำเร็จจนจบขบวนการ..การที่จิตมันนึกอวดนี่ก็เป็นอุปสรรคต่อกำลังฌานสมาธิ เป็นนิวรณ์อย่างหนึ่งเหมือนกัน...แต่แค่นี้ก็พอแล้วมั๊งนะ”
<O</O
ไอ้ตัวผู้เขียนเองครั้นจะร้องบอกท่านว่า “เอาอีกๆ”คงโดนน้ำหมากท่านพ่นเข้าเต็มหน้าแหงๆเลย
<O</O
“เอาไง เอากันครับ แค่นี้ก็เป็นบุญตาแล้วครับ”
เมื่อครูบาอาจารย์บอกแค่ไหนก็แค่นั้น จะดื้อดึงไปเพื่อประโยชน์พระแสง ของ้าวก็มิใช่ที่ แม้จะฝืนๆสันดานเดิมผู้เขียนไปบ้างก็ตามเหอะ!แฮ่ๆ
<O</O
ท่านผู้อ่านคงอยากทราบใช่หรือไม่...ว่าหลวงปู่สายเหนือโลกหลักๆของท่าน มีท่านใดบ้าง?<O</O
งั้นทำสมาธิให้ดี...แล้วมองมาที่ภาพนี้..นะ

เดี๋ยว..มองไม่ออกว่าเป็นหลวงปู่ หลวงพ่อรูปใดบ้าง อย่ามาว่า..กันนะ เหอะ!

 

สาธุ...น้อยคนที่จะได้พบเจอเหมือนพี่นับเป็นประสบการณ์ที่สุดในชีวิตใน1ภพชาติเลยทีเดียว และสมาชิกในกระทู้นี้ก็นับว่ามีบุญที่ได้ร่วมประสบการณ์นี้จากการถ่ายทอดจากพี่ทางจินตนาการในขณะที่ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่ได้รับรู้เลย

 

เอาอีกมั๊ยมีอีกเพียบ มีแต่สนุกๆมันส์ทั้งนั้น...

- การแสดงฤทธิ์ แกล้งลูกศิษย์จากแดนใต้ ตกใจก้นจ้ำเบ้า เพื่อล่อให้มีกำลังใจไม่อยาก ลาสิกขา..เป็นฆราวาส

- พระบวชใหม่โดนผีจอมตื๊อในสำนักสงฆ์ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ หลอกจนเพี้ยนเป็นโรคประสาท..

 

เอาอีกจ้า...................

 

..... ^_^ .... _/l\_ ... ^_^ .....

 

ใจคอนี่จะไม่พูด..ไม่จา อะไรสักหน่อยเลยหรือพ่อคุณ?
ทีเจ้าอื่นมาใหม่ ยังบอกว่า ..เอาอีกๆ..เลยนะ :'(